วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

สำหรับฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน 2012 Camper

สำหรับฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน 2012 Camper มีความยินดีที่จะนำเสนอผลงานซึ่งอาศัย   สุดยอดเทคโนโลยีมาสรรค์สร้างความสนุกสนานให้กับเด็กๆ ผสมผสานความหลากหลายทั้งในแง่วัตถุดิบ เทคนิคการผลิต สีสัน และความคิดสร้างสรรค์สำหรับฤดูร้อนนี้

เพื่อร่วมเฉลิมฉลองให้กับ Camper ที่มีส่วนร่วมในการแข่งขัน Volvo Ocean Race เราได้สร้างสรรค์ ‘‘The Ocean Race Collection’’ สำหรับเด็ก คอลเลกชั่นรองเท้าสำหรับเด็กรุ่นพิเศษ ประกอบไปด้วยการใช้วัตถุดิบอันทันสมัย ซึ่งอาศัยวิทยาการชั้นนำมากมายในการผลิตรองเท้ารุ่น IMAR ประกอบตัวรองเท้าด้านบนด้วยหนัง ผสมผสานผ้าใยสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติแห้งเร็วเมื่อเปียกน้ำ การใช้สีแดงได้แรงบันดาลใจจากลายกราฟฟิกบนเรือแข่ง CAMPER Volvo Ocean Race และทำให้รองเท้าดูปราดเปรียวสไตล์สปอร์ต ส่วน WATER RUNNER เป็นรองเท้าผ้าใบแฟชั่นสำหรับเด็กที่มีน้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่เคยมีมา ผลิตด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูงเพื่อทำให้แห้งเร็ว และทนทานสมบุกสมบัน พร้อมมอบความสบายในการสวมใส่สูงสุด ออกแบบด้วยสีขาวและสีน้ำเงิน Water Runner จึงเป็นรองเท้าในฝันสำหรับสมาชิกตัวน้อยของครอบครัว

สำหรับเด็กผู้ชาย รองเท้าแตะพร้อมลูกเล่นแอบแฝงด้วยความลับ มีข้อความเขียนไว้อยู่บนพื้นด้านในรองเท้า เฝ้ารอให้เด็กๆค้นหา Stories เป็นรองเท้ารุ่นล่าสุด ผลิตขึ้นจากหนังกลับ    สลับหนังเรียบ ทำสายคาดก่อรูปทรงเป็นเหมือนเต่าน้อยน่ารัก! พื้นรองเท้าผลิตขึ้นจากยาง  และวัสดุรีไซเคิล มีความทนทานในการใช้งานสูงขึ้น พื้นรองเท้าด้านในได้รับการออกแบบรูปทรงตามสรีระรูปเท้า เพื่อโอบอุ้มรับสรีระฝ่าเท้าได้อย่างพอเหมาะ อำนวยให้เกิดความสบายในยามสวมใส่ สายคาดเทปหนามเวลโครทำให้ถอดและสวมใส่สะดวก

สำหรับเด็กหญิงตัวน้อย Camper ขอแนะนำรองเท้าแตะสานหลากสีสันประดับโบว์น่ารักรุ่น TWS สีสันต่างๆของโบว์เหล่านี้จึงพลิกผันตรงข้ามกัน เป็นลูกเล่นหักมุมเล็กๆ

รองเท้ารุ่น Right คือรองเท้าส้นแบนแบบรองเท้าบัลเลต์สำหรับเด็กผู้หญิง ซึ่งมอบความสบายเป็นพิเศษยามสวมใส่อันเนื่องมาจากโครงสร้างแบบ Glove มีความยืดหยุ่นสูงตามการเคลื่อนไหวของเท้า ส่วนพื้นรองเท้าด้านในถอดออกได้ โดยคำนึงถึงสรีระของเท้าในการออกแบบ ช่วยกระชับรูปทรงเท้าของผู้สวมใส่ ในขณะที่แถบอีลาสติกช่วยอำนวยความสะดวกในการสวมเข้าและถอดออก

สำหรับทารก รองเท้ารุ่น TWS ทรง Mary Jane’s คู่นี้ สดใสมีชีวิตชีวาด้วยแมวน้อยน่ารัก      บนเท้าข้างหนึ่ง กำลังขยิบตาให้กับแมวบนเท้าอีกข้าง โครงสร้างรองเท้ามอบความยืดหยุ่น        ขณะสวมใส่ พื้นรองเท้าด้านบนและด้านล่าง ประกอบเข้ากับตัวรองเท้าซึ่งเป็นหนังนุ่ม ให้ความสบายเท้ายามสวมใส่ พร้อมสายคาดแบบเทปหนาม อำนวยความสะดวกยามติดและปลดออก

Camper นำเทคนิคใหม่ๆมาเติมเต็มความสดใสร่าเริงให้แก่รองเท้าผ้าใบแฟชั่น รวมไปถึงรองเท้าแตะ และรองเท้า Mary Jane’s…สำหรับเด็กน้อยในฤดูร้อนนี้!


วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

แพนคลินิก รุกตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยม เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ “นอรา โบ๊ด อินแทค” ฟิลเลอร์ ชนิดทา จาก “นอรา โบ๊ด” ประเทศเยอรมนี ฟื้นฟูและเติมเต็มร่องผิว พร้อมคืนความอ่อนเยาว์


แพนคลินิก  เปิดตัวนวัตกรรมใหม่   “นอรา โบ๊ด อินแทค” ฟิลเลอร์ ชนิดทา   สุดยอดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจาก “นอรา โบ๊ด” ประเทศเยอรมนี มีคุณสมบัติเติมเต็มร่องผิวให้เต่งตึง พร้อมลดริ้วรอยอย่างได้ผล ด้วยสารสกัดเข้มข้นจากพืชธรรมชาติ “ไฮยาลูรอน” และ “คอลลาเจน” คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวหน้าแบบเร่งด่วน ภายใน 6 สัปดาห์ มั่นใจตอบโจทย์ตลาดความงามได้ตรงจุด “สวยใส ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องฉีด”   มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยม โดย แพนคลินิก ตั้งเป้ารายได้รวมของปี 2555 ไว้ที่ประมาณ 1,600 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์  นอรา โบ๊ด [Nora Bode] จำนวน 35 ล้านบาท

นางพัทนิล เหลืองไพฑูรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพน บิวตี้แคร์ จำกัด เปิดเผยว่า แพนคลินิก      คือผู้นำด้านสุขภาพและความงามระดับชั้นนำของประเทศไทย โดยมีความมุ่งมั่นที่จะคิดค้น พัฒนาและคัดสรรนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์มาให้บริการแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง จนได้รับความไว้วางใจจากสังคม มายาวนานกว่า 29  ปี  ในการรุกตลาดปี 2555 นี้  แพนคลินิก นำนวัตกรรมใหม่ล่าสุด “นอรา โบ๊ด อินแทค” ฟิลเลอร์ ชนิดทา จาก “นอรา โบ๊ด” ประเทศเยอรมนี  ที่มีคุณสมบัติพิเศษ ในการเติมเต็มร่องผิวให้เต่งตึง ลดริ้วรอยและคืนความเรียบเนียนอ่อนเยาว์ให้ผิวหน้า สามารถสัมผัสได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ และเห็นผลได้อย่างชัดเจนในระยะเวลาเพียง 6 สัปดาห์ โดยจะเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับพรีเมี่ยม    เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพและกำลังซื้อสูง มีไลฟ์สไตล์ในการเลือกใช้บริการ เลือกซื้อสินค้า ด้วยการคำนึงถึงคุณภาพและการบริการที่ดีเป็นหลัก ทั้งนี้ แพนคลินิก ตั้งเป้ายอดขายรวมในปี 2555 ไว้ที่ประมาณ 1,600 ล้านบาท    โดยมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “นอรา โบ๊ด อินแทค” ฟิลเลอร์ ชนิดทา จำนวนกว่า 15  ล้านบาท     

ผลิตภัณฑ์ “นอรา โบ๊ด อินแทค” ฟิลเลอร์ ชนิดทา นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในแวดวงความงาม     ซึ่งถือกำเนิดมาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจสุขภาพและความงาม โดยเป็นทางเลือกให้แก่คนรุ่นใหม่ทุกเพศวัย ที่ไม่ต้องการพึ่งพาศัลยกรรมและการใช้เข็มฉีดสารใดๆ เข้าสู่ใต้ชั้นผิวหนัง ด้วยแนวคิด “สวยใส ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องฉีด”      สำหรับผลิตภัณฑ์ “นอรา โบ๊ด อินแทค” ฟิลเลอร์ ชนิดทา ที่จะนำเข้ามาจัดจำหน่ายนั้น จะมีอยู่ 5 ผลิตภัณฑ์หลักๆ ได้แก่

·       Nora Bode Intact Perfect Skin Volume Cream (นอรา โบ๊ด อินแทค เพอร์เฟ็กต์ สกิน วอลุ่ม ครีม)
ผลิตภัณฑ์เติมเต็มร่องผิวกลางคืน เพื่อคืนความชุ่มชื้นและบำรุงอย่างล้ำลึก  ขนาด 100 มล. ราคา 17,000 บาท
·       Nora Bode Intact Perfect Skin Volume Fluid (นอรา โบ๊ด อินแทค เพอร์เฟ็กต์ สกิน วอลุ่ม ฟูลิด)
ผลิตภัณฑ์เติมเต็มร่องผิวกลางวัน เพื่อปกป้อง ฟื้นฟูและคืนความอ่อนเยาว์ ขนาด100 มล.ราคา 17,000 บาท
·       Nora Bode Intact Perfect Eye Zone Concentrate (นอรา โบ๊ด อินแทค เพอร์เฟ็กต์ อาย โซน คอนเซ็นเตรด)  
ผลิตภัณฑ์เติมเต็มร่องผิวรอบดวงตา คืนความกระชับและลดริ้วรอย ขนาด 6x4 มล. ราคา 12,000 บาท  

·       Nora Bode Intact Perfect Lip Filler Concentrate : (นอรา โบ๊ด อินแทค เพอร์เฟ็กต์ ลิป ฟิลเลอร์ คอนเซ็นเตรด)  
ผลิตภัณฑ์เติมเต็มร่องผิวริมฝีปาก เพื่อความอิ่มเอิบ เปล่งปลั่ง อย่างชุ่มชื้น ขนาด 6x4 มล. ราคา 12,000 บาท 
·       Nora Bode Intact Perfect Skin Volume Concentrate (นอรา โบ๊ด อินแทค เพอร์เฟ็กต์ สกิน วอลุ่ม คอนเซ็นเตรด)  
ผลิตภัณฑ์เติมเต็มร่องผิวสูตรเข้มข้นเป็นพิเศษ ใช้ควบคู่กับการทำทรีตเม้นท์ ขนาด 20x4 มล. ราคา 18,000 บาท

”ผลิตภัณฑ์ นอรา โบ๊ด อินแทค ฟิลเลอร์ ชนิดทา คือแนวคิดใหม่ในการฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ให้กลับคืนสู่ผิว  โดยมีส่วนประกอบพิเศษที่ได้จากพืชธรรมชาติ  “คอมมิโพล่า มูกุล” (Commiphora Mukul) ที่นิยมใช้ปกป้องผิวทางการแพทย์ มาเป็นระยะเวลานานกว่าหลายร้อยปี โดยทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการสังเคราะห์ “ไฮยาลูรอน” และ “คอลลาเจน” ที่ช่วยในการลดริ้วรอยต่างๆ จากภายใน ทำให้ผิวเต่งตึง ชุ่มชื้นและเนียนเรียบยิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว        ทั้งนี้   การใช้ผลิตภัณฑ์ นอรา โบ๊ด อินแทค ฟิลเลอร์ ชนิดทา มีแนวทางในการใช้คือ 6X7 Day กล่าวคือ ต้องใช้ติดต่อกันอย่างน้อย 6 สัปดาห์ จะเห็นผลลัพธ์ว่า ผิวเต่งตึง เปล่งปลั่งขึ้นได้อย่างชัดเจน นางพัทนิลกล่าวและเพิ่มเติมว่า

แนวทางการรุกตลาดของผลิตภัณฑ์ “นอรา โบ๊ด อินแทค” ฟิลเลอร์ ชนิดทา นั้น จะมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยม โดยเริ่มต้นจากฐานลูกค้าของ แพนคลินิก ที่มีจำนวนกว่า 120,000 รายทั่วประเทศ  ซึ่งได้จัดเตรียมงบส่งเสริมด้านการตลาด ไว้ที่ประมาณ 20% ของยอดขาย เพื่อการจัดกิจกรรมพิเศษ รวมไปถึงการโฆษณาและประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ผ่านสื่อนิตยสารและสื่อออนไลน์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย  นอกจากนี้ ยังได้เตรียมโปรโมชั่นพิเศษ    ได้แก่ มอบ ทรีตเม้นท์ คอร์ส ดูแลผิวหน้า มูลค่า 12,000 บาท ให้แก่ผู้ซื้อผลิตภัณฑ์อีกด้วย        ส่วนช่องทางในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ อินแทค ฟิลเลอร์ ชนิดทา นั้น   จะวางจำหน่ายเฉพาะใน “แพนคลินิก” และ “ลาเบรอตาล” รวมทั้งสิ้น 73 สาขา ทั่วประเทศ โดยผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.panclinic.co.th  หรือ  Call Center 02-793-9999

“ก่อนหน้านี้ ประมาณ 5 ปีที่แล้ว แพนคลินิก ได้นำเข้าผลิตภัณฑ์ นอรา โบ๊ด จากประเทศเยอรมนี ในกลุ่มของ “โบท็อกซ์” และ ฮอร์โมน ชนิดทา เข้ามาทำตลาด ปรากฏว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง    โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ แพนคลินิก มีความมั่นใจว่าการนำผลิตภัณฑ์ล่าสุด “นอรา โบ๊ด อินแทค” ฟิลเลอร์ ชนิดทา ซึ่งผ่านการทดสอบประสิทธิผล จากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง กว่า 300 ราย โดยผลลัพธ์เป็นที่พึงพอใจมากนั้น จะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ในปี 2555 แพนคลินิก ตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ประมาณ 1,600 ล้านบาท         ทั้งนี้ ผลประกอบการในปีที่ผ่านมา แพนคลินิก มีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 1,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 15   โดย แพนคลินิก มีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มธุรกิจคลินิกดูแลผิวพรรณ ประมาณร้อยละ 12  จากมูลค่าตลาดรวม  10,000-12,000 ล้านบาท”  นางพัทนิล กล่าวสรุปในที่สุด
c;sc

วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

เปิดฉากงานมหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์นานาชาติ ครั้งที่ 2ผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศแห่เข้าร่วมงานคึกคัก

          งานมหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์นานาชาติ ครั้งที่ 2 หรือ TICEF 2012 เริ่มการประชุมอย่างเป็นทางการแล้ว มีผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศ สถาบันการศึกษา และประชาชน    เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่งกว่า 1,000 ราย  หวังนำความคิดสร้างสรรค์ ภูมิปัญญาไทยต่อยอดสู่สากล  ขณะที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ขนกูรูคนดังด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ทั่วทุกมุมโลก    ร่วมเปิดประสบการณ์และแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน มั่นใจประเทศไทยขึ้นแท่นศูนย์กลางอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 
(26 มีนาคม 2555) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การจัดงานมหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์นานาชาติ ครั้งที่ 2 (Thailand International Creative Economy Forum: TICEF 2012 ) ภายใต้แนวคิดหลัก คือ“จากนโยบายสู่การขับเคลื่อน : คุณค่าจากท้องถิ่นต่อยอดสู่สากล” หรือ Grand to Ground: Capturing Local Value Creating Global Impact  ระหว่างวันที่ 26 27 มีนาคม 2555 ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์แอทเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อให้ประชาชนตระหนักรับรู้และเข้าใจในเศรษฐกิจสร้างสรรค์มากขึ้น ประกอบกับเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนไทยนำแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์มาพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน  
             สำหรับการจัดงานมหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์นานาชาติ ครั้งที่ 2  นั้น กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้เชิญวิทยากร ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจด้วยแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากทั่วทุกมุมโลกมาร่วมเสวนา บรรยาย แบ่งปันประสบการณ์และให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมงาน อาทิ นายเท็ตสึยากิ ฮิราโน่ ประธาน Hirano Design International, Inc., นายลาร์ส สเวนสัน ผู้จัดการฝ่ายการตลาด IKEA Thailand, ดร. เอ็ดนา โดส ซานโตส หัวหน้าโปรแกรมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ สำนักงานการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD), นายจอห์น  ฮอว์กิ้นส์ ประธานกลุ่มสร้างสรรค์และนักเขียนด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ชื่อดังจากอังกฤษ, นายกอร์ดอน สมิธ Chairman Emeritus of AUS, Inc. ,หม่อมราชวงศ์ดิศนัดดา ดิศกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ และนายกานต์ ตระกูลฮุน ประธานกรรมการบริหารเครือซีเมนต์ไทย เป็นต้
          “ในงาน TICEF 2012 มีผู้ประกอบการ สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งคนไทยและต่างชาติ ให้ความสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานกว่า 1,000 คน  โดยผู้ที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้   จะมีโอกาสเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากวิทยากรชั้นนำของโลกและผู้เข้าร่วมงานจากนานาประเทศ  โดยสามารถนำความคิดสร้างสรรค์ ภูมิปัญญาของไทยไปต่อยอดสู่สากลได้ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้และทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันหากประเทศไทยดำเนินนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องจะช่วยกระตุ้นสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศในกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะช่วยผลักดันประเทศไทยขึ้นแท่นศูนย์กลางอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” นายกิตติรัตน์กล่าว
         นายกิตติรัตน์ กล่าวด้วยว่า หัวข้อเสวนาแลกเปลี่ยนภายในงาน ประกอบด้วย 1. โลกาภิวัฒน์แห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์  2. งานสร้างสรรค์ไทยก้าวไกลสู่ระดับโลก 3. ความคิดสร้างสรรค์และการสร้างมูลค่าด้วยฐานรากของพิรามิด 4. จับกระแสชีพจร ทิศทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในทศวรรษหน้า 5. ผสานช่องว่างแห่งการพัฒนาวิเคราะห์ความ ท้าทายของเศรษฐกิจสร้างสรรค์  นอกจากนี้ภายในงานดังกล่าวยังมีนิทรรศการแสดงผลงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่ประสบความสำเร็จจากองค์กรชั้นนำของไทยและต่างประเทศ เช่น ปตท., SCG, มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง, IKEA
          อย่างไรก็ตามงานมหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์นานาชาติ ครั้งที่ 2 ถือเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในประเทศไทยที่รัฐบาลให้ความสำคัญและส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ต้องเริ่มต้นในระดับท้องถิ่นและระดับปัจเจกบุคคล หรือชุมชนในการที่จะใช้ภูมิปัญญาที่เป็นประโยชน์ รวมกับความเข้าใจในระบบตลาดโลก และความเชื่อมโยงกับโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาสร้างผลงานที่สร้างสรรค์  ซึ่งหากมีการผสมผสานที่ลงตัว มั่นใจว่าภูมิปัญญาและความสร้างสรรค์ในระดับท้องถิ่นจะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนที่จะนำไปสู่บริบทของระดับโลกได้

พิซซ่าฮัททำเก๋ ทำตลาดเชิงรุก ส่ง นุ่มฮิต ว้าว ด้วยโปรโมชั่นสุดคุ้มเพียงถาดละ 89 บาท

พิซซ่าฮัท เป็นร้านพิซซ่าที่มีสาขามากที่สุดในโลก โดยพิซซ่าฮัทได้เปิดให้บริการที่ประเทศไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2523 ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ทั้งแบบนั่งรับประทานที่ร้าน และบริการส่งถึงบ้านและสำนักงาน
พิซซ่าที่อร่อย ต้องประกอบไปด้วย วัตถุดิบที่สดอย่างคุณภาพ และการรับประทานในช่วงอุณหภูมิที่ใช่ ที่พิซซ่าฮัทเรายังเพิ่มรสชาติความอร่อยของแป้งด้วยเครื่องปรุงและเครื่องเทศสูตรเฉพาะที่ทำให้คุณอร่อยได้เต็มคำ
พิซซ่าแป้งหนานุ่ม เอกลักษณ์ของพิซซ่าฮัทที่ครองใจคนทั่วโลก ด้วยตัวแป้งที่กรอบนอกนุ่มใน
สตัฟท์ ครัสต์ พิซซ่า ทั้งขอบชีส ขอบทอง และขอบไส้กรอกชีส ที่คัดสรรมาเพิ่มรสชาติให้พิเศษยิ่งขึ้น
นุ่มฮิต พิซซ่าแป้งนุ่มๆ รสชาติเต็มๆ เข้มถึงเครื่องสูตรเฉพาะจากพิซซ่าฮัท เพียงคำแรกก็รู้สึกได้ถึงความ "นุ่ม" มัดใจทุกคนที่ได้ลอง

บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์คึกคักด้วยคอนเซ็ปต์คาร์และรถรุ่นใหม่เชื่อเปิดประตูธุรกิจรถยนต์อย่างเป็นทางการ

บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดย ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ในฐานะประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 33 แถลงข่าวความพร้อมทั้งด้านผู้จัดงานและบริษัทที่เข้าร่วมงาน เริ่มกันวันที่ 28 มีนาคม-8 เมษายน 2555 ณ ชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี
                ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา เปิดเผยว่า ปีนี้คาดว่าบรรยากาศของงานจะคึกคักด้วยรถยนต์ที่เปิดตัวและเปิดจองภายในงานกว่า 10 รุ่น ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ รถอีโคคาร์ ซึ่งจะเปิดตัวพร้อมกันถึง 2 ยี่ห้อ คือ มิตซูบิชิ มิราจ กับอีโคคาร์ของซูซูกิ อีกทั้งยังมี โตโยต้า คัมรี่ ใหม่, พริอุส ไมเนอร์เชนจ์, ฮุนได เอลันตร้า, เปอโยต์ 408 รวมถึงฮอนด้า ซีวิค ก็คาดว่าจะเปิดตัวรถภายในงานด้วยเช่นกัน
                นอกจากนี้ ดร.ปราจิน ยังกล่าวถึงรถหรูที่เป็นสีสันของงานอย่าง รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ปีนี้มาแปลกกว่าทุกปี นำรถคอนเซ็ปต์คาร์หรือรถต้นแบบมาโชว์ รวมถึงรถอาเซียน พรีเมียร์ อีก 3 รุ่น ขณะที่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูนั้น ไม่ยอมน้อยหน้า มาทั้งซีรีส์ 5 และซีรีส์ 3 มินิ โรดสเตอร์ และรถจักรยานยนต์อีก 2 รุ่น รวมถึงสกู๊ตเตอร์ก็จะมีให้ชมกัน ส่วนวอลโว่ นอกเหนือจากวอลโว่ S60 DRIVe ที่กำลังขายดี ยังนำเอาวอลโว่ V60 เปิดตัวอีกรุ่น เลกซัสเปิดตัวไปแล้ว 2 รุ่น มีข่าวอาจจะนำเอามาเปิดตัวอีกรุ่น ต้องติดตามกัน
                ในส่วนอื่น ๆ นอกเหนือจากการแสดงของรถยนต์แล้ว อีกสีสันจากรถจักรยานยนต์ ที่นอกเหนือจากการโชว์เทคโนโลยีแล้ว ยังมีกิจกรรมมาโชว์ให้ชมอีกด้วย โดยเฉพาะคอนเสิร์ตจากศิลปินดังที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ของแต่ละยี่ห้อจะมีให้ชมเป็นพิเศษในแต่ละวัน กิจกรรมที่จะเป็นส่วนเสริมของงาน ยังคงมีอยู่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงรถรุ่นต่าง ๆ และการแสดงของเครื่องเสียงรถยนต์
                สำหรับบัตรผ่านประตู ราคายังคงเดิมคือ 100 บาท หางบัตรร่วมชิงโชครถยนต์และรถจักรยานยนต์เหมือนเช่นปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้ทางผู้จัดงานได้งดการประกวดมิสมอเตอร์โชว์ เนื่องจากหลังเกิดภาวะน้ำท่วม สถาบันต่าง ๆ ต้องเปิดเรียนในช่วงปิดเทอม จึงเห็นสมควรงดจัดในปีนี้ แต่จะมีการนำมิสมอเตอร์โชว์ และรองในปีต่าง ๆ มาโชว์ให้ชมกัน แต่การประกวดมิสพรีเซ็นเตอร์ยังคงมีอยู่ ซึ่งพรีเซ็นเตอร์ถือเป็นสีสันสำคัญของงาน และการพรีเซ็นต์ผลิตภัณฑ์ในแต่ละบูธ
                ผมเชื่อว่า งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ปีนี้จะยิ่งใหญ่กว่าทุกปี อีกทั้งยังเป็นเสมือนการเปิดประตูธุรกิจรถยนต์อย่างเป็นทางการ หลังเกิดวิกฤติน้ำท่วมอีกด้วย ดร.ปราจิน กล่าวสรุป
                ด้าน คุณเต้ จาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงานกล่าวเสริมอีกว่า เราเตรียมงานทุกด้านไว้พร้อมแล้ว รอแค่เวลาที่จะเข้าทำงานเท่านั้น สิ่งที่อยากเสนอแนะ ภายในงานนอกจากรถยนต์ยี่ห้อต่าง ๆ ที่นำมาแสดงแล้ว ผมอยากแนะนำให้ลองสังเกตดูการก่อสร้างบูธ โดยเฉพาะบูธของบริษัทในแถบยุโรป ที่มีการออกแบบมาจากบริษัทแม่ และเป็นแนวทางเดียวกันในงานมอเตอร์โชว์แต่ละประเทศที่ได้รับการยอมรับ อยากบอกว่า งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ มิใช่มีดีแค่การแสดงรถยนต์เท่านั้น องค์ประกอบอื่น ๆ น่าสนใจด้วยเหมือนกัน
                การวางผังพื้นที่ เราไม่ได้เน้นแค่พื้นที่ของผู้จัดงานแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังเน้นพื้นที่ที่จะอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้มาชมงาน ไม่ว่าจะเป็นการเดินชมและการพักผ่อนระหว่างเดินชม ผู้จัดงานได้จัดพื้นที่ไว้ให้เป็นระยะ ๆ ภายในงาน
                อยากให้ทุกท่านได้ชมงานที่มีครบทั้งเทคโนโลยีแห่งยนตรกรรมและการก่อสร้างบูธของงานที่เทียบเท่าระดับโลก  อยากให้มาชมกันอย่างมีความสุขและได้ความรู้ มาวันเดียวไม่จุใจ จะมาใหม่ก็ไม่ว่ากันครับ คุณเต้ กล่าวเชิญชมสรุปตบท้าย