“กรมการค้าภายใน” ได้งบฯ 1,000 ล้าน เปิดตัว “บลูช็อป” ขายสินค้าราคาเดียว 60 บาทแห่งแรกของรัฐบาลในเดือนกุมภาพันธ์นี้ พร้อมอัดโครงการสีฟ้า บรรเทาภาระค่าครองชีพประชาชน-คนตกงาน หวังเห็นผลภายใน 3 เดือน หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบฯกลางปีจำนวน 1,000 ล้านบาทเมื่อวันที่ 13 มกราคมให้กับกระทรวงพาณิชย์ภายใต้โครงการด้านพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือประชาชน เพื่อดูแลปัญหาค่าครองชีพและปัญหาการว่างงาน นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะนำงบประมาณดังกล่าวแก้ไขปัญหาเพื่อลดผลกระทบและช่วยเหลือประชาชนด้านต่างๆ คาดว่าจะสามารถช่วยเหลือประชาชนประมาณ 100,000 คนภายใน 3 เดือนสำหรับรายละเอียดของโครงการในการช่วยเหลือประชาชนนั้น นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงมาตรการระยะสั้นเพื่อลดค่าครองชีพให้กับผู้บริโภคว่า ทางกรมจะเร่งดำเนินการใน 4 โครงการได้แก่ 1)ร้านค้า Blue Shop ขายสินค้าราคาเดียว 60 บาท รูปแบบคล้ายร้าน “100 เยน” ของญี่ปุ่น เน้นจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนในราคา 60 บาท เบื้องต้นกรมการค้าภายในได้ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายย่อย (โชห่วย) และซัพพลายเออร์แล้ว 100 ราย โดยกำหนดรูปแบบว่า กรมจะคัดเลือกร้านค้าโชห่วยในพื้นที่ให้เป็นผู้ดำเนินการ โดยจะติดป้าย “ร้านบลูช็อป” ให้ประชาชนรับทราบว่าจะสามารถซื้อสินค้าได้จากร้านนี้ สำหรับซัพพลายเออร์ เช่น เครือสหพัฒน์ ยูนิลีเวอร์ ได้ตอบรับที่จะผลิตสินค้าพิเศษ เพื่อจำหน่ายราคา 60 บาทให้แล้วประมาณ 20 รายการ โดยจะมีทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ข้าวสาร เสื้อผ้า เครื่องปรุงรสต่างๆ พร้อมทั้งประสานกับห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี เพื่อเป็นผู้กระจายสินค้า ทั้งนี้คาดว่าจะเปิดร้านบลูช็อปแห่งแรกได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ “หลังจากนั้นทางกรมเตรียมจะปรับ ิร้านมิตรธงฟ้า ให้เป็น ร้านบลูช็อปี รวมทั้งจะสนับสนุนให้ร้านค้าปลีกรายย่อยที่สนใจเข้าร่วมโครงการร้านบลูช็อป โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2552 จะสามารถขยายสาขาร้านบลูช็อปได้ 10-20 สาขาทั่วประเทศ แต่การพิจารณาโลเกชั่นในการเปิดร้านบลูช็อป เราต้องดูในประเด็นว่าต้องไม่แย่งลูกค้าร้านค้าปลีกรายย่อย แต่จะเน้นขายปลีกเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ คนเมืองตกงาน เกษตรกร” นายยรรยงกล่าว
2)การจัดมหกรรมธงฟ้าทั่วประเทศ 200-300 ครั้งภายในระยะเวลา 3 เดือน โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่จะจัดประมาณเดือนละ 10 ครั้ง เพื่อกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจได้มีโอกาสซื้อสินค้าราคาประหยัดคุณภาพดี นอกจากนี้จะเน้นจัดโครงการธงฟ้าขนาดเล็กกระจายไปตามจังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรมตั้งอยู่ เพื่อบรรเทาปัญหาค่าครองชีพของกลุ่มแรงงานที่ถูกลดเงินเดือน หรือเลิกจ้างงาน
3)โครงการอาหารปรุงสำเร็จ ราคาประหยัดธงฟ้า (รถเข็นธงฟ้า) จะลดราคาอาหารปรุงสำเร็จลงอีก 5-10 บาท โดยกรมจะให้การสนับสนุนทางด้านวัตถุดิบ เช่น ข้าวสาร เครื่องปรุงรส น้ำมันพืช กับผู้ประกอบการเพื่อให้ผู้ประกอบการลดราคาอาหารลงให้กับผู้บริโภค รวมทั้งจะเน้นให้รถเข็นธงฟ้าเข้าไปขายในแหล่งโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วย
และ 4)โครงการตลาดสดสีฟ้า จะมีคอนเซ็ปต์คล้ายร้านบลูช็อปแต่จะเน้นสินค้าอาหารสดและอาหารสำเร็จรูป โดยจะรับสมัครตลาดสดที่จะเข้าร่วมโครงการ โดยมีเงื่อนไขว่าตลาดแห่งนั้นจะต้องปิดป้ายแสดงราคาสินค้าจำเป็นไว้ที่หน้าตลาด เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและเปรียบเทียบกับตลาดอื่นด้วย รวมทั้งต้องจำหน่ายสินค้าปลีกให้กับประชาชนด้วย
ส่วนมาตรการในระยะกลางนั้น นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีแนวคิดว่า จะจัดทำ “โครงการบัตรธงฟ้า (Blue Card)” ขึ้นมาคล้ายบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค โดยจะเชิญภาคเอกชน เช่น สมาคมธุรกิจโรงแรม ภัตตาคาร เข้ามาหารือในสัปดาห์นี้ เพื่อหาแนวทางร่วมกันว่าจะมีรูปแบบการใช้บัตรอย่างไร เพื่อช่วยเหลือประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจ เบื้องต้นอาจจะกำหนดให้มีการสมัครเป็นสมาชิก เพื่อรับบัตรธงฟ้า กำหนดประเภทสมาชิกแบบต่างๆ เช่น สำหรับประชาชนที่มีรายได้น้อย อาจจะต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน สำหรับนำไปลดราคาสินค้าในร้านบลูช็อป หรือห้างโมเดิร์นเทรด ซึ่งอาจจะจัดสินค้าพิเศษสำหรับผู้บริโภคกลุ่มนี้นำไปซื้อสินค้าสะสมแต้ม หรือกำหนดประเภทสมาชิกเป็นร้านโชห่วยสำหรับนำไปสะสมยอด เพื่อรับส่วนลดในการซื้อสินค้ากับซัพพลายเออร์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น