วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เซสปรี’ ตั้งเป้ากระตุ้นยอดขายกีวีฟรุต รุกตลาดกลุ่มคนรักสุขภาพ

เซสปรี อินเตอร์เนชั่นแนล (เอเชีย) บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายกีวีฟรุตจากนิวซีแลนด์ ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายในประเทศไทยอีก 30%-50% ในช่วง 2-3 ฤดูกาลข้างหน้า โดยเน้นกระตุ้นให้ผู้บริโภคชาวไทยตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องโภชนาการ และคุณค่าทางอาหารที่สูงของกีวีฟรุต นายแดเนียล แมททิสัน ผู้จัดการตลาดภูมิภาคเอเชีย บริษัท เซสปรี อินเตอร์เนชั่นแนล (เอเชีย) จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทวางเป้าหมายว่ายอดขายของเซสปรีกีวีฟรุตในประเทศไทยน่าจะขยายตัวได้สูงถึง 20% จากการทำการตลาดอย่างจริงจัง โดยเน้นการนำเสนอคุณค่าทางโภชนาการของกีวีฟรุตต่อกลุ่มผู้บริโภคชาวไทย พร้อมทั้งแต่งตั้ง ลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม ในฐานะแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนแรกในประเทศไทย บริษัท เซสปรี อินเตอร์แนชั่นแนล (เอเชีย) จำกัด ได้จัดจำหน่ายกีวีฟรุตในประเทศไทยมาประมาณ 10 ปีแล้ว โดยเป็นเพียงการวางจำหน่ายในปริมาณจำกัด แต่ในระยะหลังนี้ เซสปรีสามารถเพิ่มผลผลิตของกีวีฟรุตได้มากขึ้นและเพียงพอสำหรับทำการตลาดในประเทศไทย ซึ่งเซสปรีเชื่อมั่นว่าช่องว่างทางการตลาดสำหรับกีวีฟรุตในประเทศไทยยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีก 30%-50% ในฤดูเก็บเกี่ยวกีวีฟรุตในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า “คนไทยยังบริโภคกีวีฟรุตเป็นปริมาณน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับผู้บริโภคในประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม เซสปรีได้มองเห็นศักยภาพทางการตลาด และเป็นเหตุผลให้เราตั้งใจที่จะเพิ่มผลผลิตและกระตุ้นให้ผู้บริโภคชาวไทยตระหนักถึงคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลายของกีวีฟรุต” นายแมททิสันกล่าวต่อว่า การขยายตลาดกีวีฟรุตในประเทศไทยของ เซสปรี อินเตอร์เนชั่นแนล (เอเชีย) ในช่วงนี้ นับว่าสอดคล้องกับสถานการณ์ เนื่องจากปัจจุบัน สถิติของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพชี้ให้เห็นว่า คนไทยมีภาวะโภชนาการที่ยังไม่ดีพอ โดยผู้หญิงไทยทุก 3 ใน 4 คน และผู้ชายไทยทุก 4 ใน 5 คน บริโภคผักและผลไม้ไม่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน ในขณะที่ กีวีฟรุตเมื่อเทียบกับผลไม้อื่นๆ ในปริมาณเท่าๆ กันแล้ว ให้วิตามินซีและแร่ธาตุที่สูงกว่ามาก ความว่า ตลาดกีวีฟรุตยังมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ประโยชน์ของกีวีฟรุตที่มีต่อสุขภาพเริ่มเป็นที่ตระหนักและขยายวงออกไปอย่างรวดเร็วในหมู่ผู้บริโภค สำหรับปีนี้ เซสปรีคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1 พันล้านบาทจากยอดขายทั่วโลก” นายแมททิสันกล่าว ผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเป็นพิเศษ โดยมีวิตามินซีสูงกว่าส้ม 2 เท่า มีโพแทสเซียมเท่ากับกล้วยทั้งผล มีปริมาณเส้นใยอาหารเท่ากับซีเรียล 1 ชาม และให้วิตามินอีสูงกว่าอะโวคาโด 2 เท่า แต่มีแคลอรี่เพียงครึ่งเดียว กีวีฟรุตจึงมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าผลไม้อื่นๆ เกดเชื่อว่าคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพของกีวีฟรุตจะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้คนไทยหันมาบริโภคกีวีฟรุตที่ผลิตโดยเซสปรีจากนิวซีแลนด์มากขึ้น ชื่อว่า กีวีฟรุตของเซสปรีจากนิวซีแลนด์เป็น ซุปเปอร์ฟรุตชนิดใหม่ในประเทศไทย และอยากเชิญชวนให้คนไทยบริโภคกีวีฟรุตของเซสปรี 2 ผลต่อวัน เพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนในแต่ละวัน” ปัจจุบัน กีวีฟรุตมีให้เลือกรับประทานหลากหลายมากขึ้น ทั้งกีวีพันธุ์สีเขียว กีวีพันธุ์สีทอง พันธุ์ออร์แกนิก และพันธุ์จัมโบ้ ซึ่งง่ายต่อการนำไปประยุกต์เป็นส่วนประกอบของอาหารในมื้อต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย และมีสารอาหารที่มีประโยชน์สำหรับทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆ ซึ่งควรได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างครบถ้วนในแต่ละวัน ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลทางโภชนาการของกีวีฟรุตโดยละเอียด รวมถึง เมนูอาหารจากกีวีฟรุตหลากหลายชนิดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ http://www.zespri.com

ไม่มีความคิดเห็น: