วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

เปิดตัวหนังสือ “ถ้ารู้ธรรมะพระพุทธเจ้า อาตมาคงไม่ติดคุก”

“อีเป็นคนดวงแกว่ง เวลาดวงดีจะดีสุดๆ เวลาดวงขึ้นจะขึ้นแบบพุ่งพรวดๆ เวลาดวงลงจะลงแบบหัวคะมำเลยทีเดียว ตอนอายุ 50 ปีบริบูรณ์ ดวงจะตกมากๆ ถ้าไม่ตายก็ถึงกับติดคุกติดตะราง”คำทำนายนี้เป็นของซินแสจีนแก่ๆ ที่ดูดวงจากเค้าโครงใบหน้า หรือโหงวเฮ้ง ตอนนั้นอาตมายังเป็น ส.ส.สมัยแรก ยังเป็นยังเติร์กในพรรคกิจสังคม ฟังคำทำนายนี้แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะไม่เคยเชื่อเรื่องหมอดู ฟังแล้วก็หัวเราะเพราะช่วงปีนั้นอาตมาอายุเพียง 29 ปีเท่านั้นแต่ตอนนี้ปีพ.ศ.2554 อาตมาอายุ 57 ปีแล้ว เมื่อมองย้อนกลับไปทบทวนความจำและเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ก็พบว่าคำทำนายของซินแส เมื่อปีพ.ศ.2526 ที่อาตมาไม่เคยเชื่อเลย กลับเป็นความจริงทุกอย่าง !อาตมาคือ นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่มีเรื่องโด่งดังเรื่องการทุจริตการจัดซื้อยาและเครื่องเวชภัณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว วันนี้เรื่องราวทั้งหลายได้ผ่านพ้นไปแล้ว อาตมาได้รับโทษทัณฑ์ด้วยการติดคุก 5 ปี ชีวิตในคุกเปลี่ยนอาตมาจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะได้ศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้า ได้ทบทวนตัวเอง ได้เห็นว่าความประมาท และหลงมัวเมาในกิเลสตัณหานำพาชีวิตไปในทางที่เสื่อมอย่างที่สุดอาตมาจึงมีความตั้งใจที่จะบอกเล่าเรื่องราวจากประสบการณ์ตรงของตนเอง เพื่อเตือนสติทุกคนไม่ให้ใช้ชีวิตด้วยความประมาท หลงใหลได้ปลื้มไปกับกิเลส ผ่านหนังสือ “ถ้ารู้ธรรมะพระพุทธเจ้า อาตมาคงไม่ติดคุก” ซึ่งจัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะในชีวิตของอาตมา สุขที่สุดเป็นอย่างไรก็เคยพบมาแล้ว เสื่อมที่สุดเป็นอย่างไร อาตมาก็พบอยู่ในเรือนจำนี่เอง อาตมาเป็นนักการเมือง ได้ขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรี อำนาจบารมีวิ่งเข้ามา มีผู้คนล้อมหน้าล้อมหลัง เป็นช่วงเวลาที่หลงไปว่าน่ารื่นรมย์เพราะถูกกิเลสครอบงำว่าเป็นชีวิตที่มีความสุข ได้เล่นการพนัน ได้กินเหล้าเมายา มีผู้หญิงหลายคน โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นความสุขที่ไม่ยั่งยืน เป็นทางแห่งความทุกข์ เป็นทางแห่งความเสื่อมวันที่ศาลตัดสินให้จำคุกอาตมาไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ จึงหนีคดีไปตั้งหลัก ช่วง 1 ปีที่หลบหนี ถือว่าเปลี่ยนแปลงชีวิตโดยสิ้นเชิง จากชีวิตที่สุขสบาย มีเกียรติ กลายเป็นคนต้องอาญาแผ่นดิน ต้องใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อน ไปขออาศัยอยู่บ้านญาติ ต้องเปลี่ยนสถานที่อยู่ทุก 3 เดือน ต้องปลอมตัว เคยมีไฝก็ต้องเอาไฝออก ย้อมผม ใส่แว่นดำ หน้าตาทรุดโทรม ไม่มีสง่าราศีเหลือแม้แต่น้อย ทรัพย์สินทั้งหลายรัฐก็ยึดไป ใบประกอบวิชาชีพทนายความก็ถูกลบทิ้ง ไม่สามารถประกอบอาชีพทนายความได้อีก ต้องใช้เงินไม่เกินวันละ 100 บาทกินข้าวราดแกงราคาถูกมื้อละไม่เกิน 30 บาท ที่มีไว้บริการแท็กซี่นอกจากนั้น การกระทำของอาตมายังส่งผลกระทบกับครอบครัวอย่างรุนแรง ลูกชายที่เรียนอยู่ออสเตรเลียต้องกลับเมืองไทย เพราะอาตมาไม่สามารถส่งเสียได้อีกต่อไป หลังจากนั้นภรรยาคนแรกก็ทำเรื่องขอหย่า และขอกลับไปใช้นามสกุลเดิม ภรรยาคนที่สองมีสามีใหม่เป็นชาวเกาหลีและขอไปอยู่กับสามีใหม่ส่วนภรรยาคนที่สามมีแต่ปัญหามาบอกให้อาตมาทุกข์ใจ และที่สุดก็ขอไปอยู่กับสามีใหม่เช่นกัน นอกจากนั้นเรื่องของข้าพเจ้ายังส่งผลกระทบต่อน้องสาวที่เป็นอาจารย์ น้องชายที่เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และน้องสาวที่ลงสมัคร ส.จ. ทุกคนล้วนแล้วแต่ตกที่นั่งลำบากเพราะอาตมาทั้งสิ้น

ไม่มีความคิดเห็น: