เปิดตัวหน้งสือ ธุรกิจพันธุกรรม

คำถามอันไร้เดียงสาของเด็กน้อย ที่เพิ่งเริ่มจะคุ้นเคยกับโลกใบนี้ ได้ไม่นานเฝ้าถามผู้ใหญ่อย่างเราๆ ให้ได้ยินกันจนชินหูว่า “หนูมาจากไหน” อาจเป็นคำถามซึ่งพ่อแม่หลายคนยากจะหาถ้อยคำมาสื่อให้ตรงกับ
ประสบการณ์ความรู้และความเข้าใจของช่วงวัยไร้เดียงสานั้น แต่เมื่อโลก เคลื่อนมาถึงยุคที่การรักษาผู้มีบุตรยากกลายเป็นธุรกิจอย่างเสรีเต็มขั้นแล้ว บางครั้งพ่อแม่ก็อาจจะตอบคำถามนี้ไม่ได้จริงๆ เสียแล้ว เพราะตัวเอง ก็ไม่รู้ที่มาแน่ชัดของลูกน้อยเหมือนกัน เนื่องจากว่าสเปิร์มของพ่อหนูถูกส่ง ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากดินแดนแสนไกล ที่คนเป็นพ่อเป็นแม่เองก็ไม่อาจระบุพิกัดได้เช่นกัน... “ธุรกิจพันธุกรรม” หนังสือใหม่ของสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น ที่แม้จะมีชื่อกะทัดรัด แต่ก็กินความหมายกว้างเหลือเกินทั้งยังกระตุ้นชวนให้ขบคิดเหลือเกินว่า หรือโลกของเราจะตกอยู่ในสมรภูมิการแลกเปลี่ยนอย่างที่ใครก็ไม่อาจทัดทานอะไรได้อีกต่อไปแล้ว เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ ต้องเอามาตีมูลค่าแลกเปลี่ยนกันอยู่ร่ำไป ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งเรื่องของชีวิตคนๆ หนึ่ง หนังสือ “ธุรกิจพันธุกรรม” จากต้นฉบับของ สปาร์, เดโบล่า แอล. แปลสู่ภาคภาษาไทยโดย คุณหมอพูนศักดิ์ ไวความดี สูตินารีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากมากว่า 20 ปี กับแรงบันดาลใจที่ที่คุณหมอเล่าว่า “เดิมทีอยากจะเขียนหนังสือเอง แต่ความที่ว่าผมอาจจะไม่เคยเขียน เขียนไม่เป็น ทีแรกก็ลองร่างเขียนดู ปรากฏว่าเขียนไปเขียนมาก็เขียนไม่จบเล่มสักที จนวันหนึ่งได้มาลองเปิดหนังสือเล่มนี้อ่านดู ก็พบว่ามันมีอะไรหลายอย่างที่ตรงใจ ที่เราอยากจะเขียนอยู่เยอะ แต่ว่าเล่มนี้ คนเขียนเขาเป็นมืออาชีพเพราะเป็นเล่มที่ 6 ของเขาแล้ว ซึ่งหนังสือของเขาเล่มก่อนหน้านี้ อย่างเล่มที่ 5 นี่ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องของโซเชียลเน็ตเวิร์ก หรืออินเทอร์เน็ต ซึ่งเขาเขียนก่อนหน้านี้ประมาณสัก10 ปี ในตอนนั้นยังไม่มีใครรู้จักทวิตเตอร์ เฟสบุ๊ก แต่เขาเขียนคาดการณ์เอาไว้ว่า โลกของเรามันจะต้องเป็นอย่างนี้ จะต้องเกี่ยวโยงเป็นใยแมงมุมติดกันหนุบหนับแบบนี้ แม้แต่จะนอนก็ยังต้องดูว่า เพื่อนเรากินข้าวแล้วหรือยัง ซึ่งผู้เขียน เดโบร่า แอล. สปาร์ นี้ เป็นศาสตาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัย ฮาร์เวิร์ด ซึ่งเขาก็มองโลกในเรื่องของเทคโนโลยีได้ขาด รวมทั้งเทคโนโลยีอันต่อไปที่เขาคาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบต่อโลกก็คือเรื่องของเทคโลยีเกี่ยวกับการสืบพันธุ์นั่นเอง” แม้ว่าในบ้านเราจะมีการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากมาแล้ว 20 กว่าปี แต่ก็ยังไม่มีความเข้าใจเรื่องนี้ดีพอโดยเฉพาะคนที่ไม่ได้เป็นแพทย์นั้น ขาดหนังสือที่จะอ้างอิงหรือสร้างความเข้าใจตรงนี้ให้ก่อเกิดขึ้นได้ ฉะนั้นหนังสือเล่มนี้จะช่วยชี้ทางบางอย่างให้แก่สังคม เพราะช่วยเปิดเผยข้อมูลบางอย่างให้สังคมไทยของเราได้ทราบว่า พวกแพทย์ที่รักษาเหล่านี้กำลังทำอะไรกันอยู่ ซึ่งหนังสือเล่มนี้ได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจน ด้วยภาษาที่อ่านง่าย คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ไม่ยาก และจากนี้ไป คำถามเดิมๆ ที่ว่า การรักษาภาวะผู้มีบุตรยากนั้นเขาทำกันอย่างไร คงเป็นสิ่งที่ไม่ต้องมานั่งหาคำตอบกันอีกแล้วสำหรับ พ.ศ. นี้ เพราะสิ่งนั้น ถือเป็นภารกิจหลักที่แพทย์ต้องทำอยู่แล้ว การมีบุตรเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องยาก หากเราต้องการสเปิร์ม ก็ไม่ต้องลำบากไปเสาะหา หรืออ้อนวอนขอมาจากใคร เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถคลิกเลือกได้ในเว็บไซต์ หากพ่อแม่ปรารถนาบุตรหลานหน้าตาแบบไหน รูปร่างอย่างไร ไอคิวสูงเท่าใด ก็คลิกเลือกได้ แล้วสเปิร์มเหล่านั้น ก็จะถูกส่งข้ามลัดฟ้ามาให้เราอย่างรวดเร็วทางไปรษณีย์ ไปยังคลินิกของหมอที่ผสมเทียม ใช้เวลาเพียงแค่สามวันสเปิร์มก็จะมาถึงที่ได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ประเด็นที่น่าสนใจ ซึ่งเราควรนำมาวิพากษ์กันมันอยู่ตรงที่ว่า เมื่อเทคโนโลยีนี้มีการโยงใยไปถึงมิติด้านอื่นๆ ของสังคม จนส่งผลสะท้อนสะเทือนเคลื่อนต่อไปชนิดหาจุดจบไม่ได้ หรือถ้าปล่อยไว้ให้เรื้อรังนานไปก็อาจค้นไม่พบแม้แต่จุดเริ่มต้น จึงเป็นเรื่องที่เราต้องรู้ให้ทัน คาดการณ์ให้ได้ล่วงหน้าเหมือนอย่างที่หนังสือเล่มนี้พยายามจะบอก ทั้งเรื่องกฎหมายที่ว่า เมื่อลูกเกิดมาไม่ทราบว่าจะเรียกใครเป็นพ่อ ไม่ทราบว่าจะเรียกใครเป็นแม่ หรืออาจเรียกคนที่เลี้ยงดูว่าเป็นพ่อ แต่เราจะเรียกเจ้าของอสุจิว่าอย่างไรกัน และสิทธิของเด็กคนนั้นจะมีแค่ไหน นี่ก็เป็นสิ่งที่เราต้องคิดกันต่อไป หนังสือเล่มนี้อาจจะเป็นเสมือน กระจกบานสำคัญที่ช่วยฉายภาพความเป็นไปในปัจจุบันเกี่ยวกับเรื่องของเทคโนโลยีที่ควบคุมไม่ได้ โดยมีการนำเสนอทางเลือกให้หลายๆ ทาง ซึ่งถ้าหากได้อ่านก็จะเข้าใจว่าแต่ละทางมันก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป เพียงแต่ว่าทุกวันนี้เราอยู่ในสังคมที่ทุกคนไม่คิดจะเลือกทางใดทางหนึ่งมากกว่า มันจึงเกิดปัญหา เพราะเหมือนกับว่าเราปล่อยให้มันลอยตามน้ำไปเรื่อยๆ แล้ววันข้างหน้าค่อยมาแก้ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าพอถึงเวลานั้น จะสามารถแก้ไขได้ทันการณ์หรือเปล่า มหากาพย์เรื่องยาวของมวลมนุษยชาติที่ว่าด้วยเรื่องราวของพันธุกรรมและการก่อกำเนิดชีวิต ที่อุบัติและดำเนินไปนี้ มีเส้นทางความเป็นมาอย่างไร และจะเคลื่อนสู่ทิศทางใดต่อไป หรือยังแฝงเรื่องราวอะไรบางอย่างไว้อีกหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่เราจะหาคำตอบกันได้ต่อไปปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีสมัยนี้ให้คำตอบเราได้หมด และสนองทันตามความต้องการที่มีมากเหลือเกินของมนุษย์ แม้ว่าทุกวันนี้เราจะกำหนดลักษณะทารกได้ทุกอย่าง ทั้งรูปร่างหน้าตา สติปัญญา ไปจนถึงเวลาตกฟาก ก็ล้วนบันดาลได้ทุกอย่างภายในห้องทดลอง แต่เราต้องไม่หลงลืมว่าคุณงามความดีในใจมนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิสนธิให้เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเจริญไปไกลเพียงไรก็ตาม หาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ ในราคาเล่มละ 230 บาท