
อย่างงดงามของแกรน ทัวริสโม่ (Gran Turismo) แบบสี่ประตู รุ่นไฮบริดใหม่ผสมผสานกำลังเครื่องยนต์ที่มีแรงม้าสูงสุดถึง 380 แรงม้า (279 กิโลวัตต์) พร้อมด้วยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีที่สุดเพียง 6.8 ลิตร/100 กิโลเมตร (41.54 mpg) เมื่อขับขี่ในรูปแบบมาตรฐาน ของ NEDC ขณะที่ยังคงความเป็นรถสปอร์ตและความหรูหราไว้อย่างครบครัน หรือเทียบได้กับการปล่อย CO2 เพียง 159 กรัม/กม. เท่านั้น ซึ่งนี่ไม่เพียงทำให้พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) เป็นรถรุ่นที่ประหยัดที่สุดที่สำหรับแบรนด์ปอร์เช่ตั้งแต่เคยมีมา เท่านั้น และถือได้ว่าโดดเด่นทิ้งรถรุ่นอื่นๆที่มีเครื่องยนต์ไฮบริดในคลาสเดียวกันไปได้อย่างสง่างาม ทั้งในเรื่องของความประหยัดน้ำมัน เชื้อเพลิงและอัตราการปล่อยมลพิษที่ดีเลิศ ประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานและค่าการปล่อยมลพิษที่ต่ำของพานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) นั้นยังเกิดขึ้นร่วมกับยาง ที่มีความเสียดทานต่ำของมิชลิน (Michelin) ที่ผลิตมาเป็นรุ่นพิเศษเพื่อปอร์เช่ พานาเมร่า (Porsche Panamera) โดยเฉพาะ ซึ่งสามารถ ลือกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้ ยางรุ่นพิเศษที่พร้อมใช้ในทุกฤดูนี้มีส่วนผสมดอกยางที่ลดความต้านทานระหว่างการวิ่งเป็นพิเศษและ โครงสร้างยางที่ได้รับการปรับแต่งให้ดีที่สุดลดความสูญเสียจากการเสียดทานที่ลดลง ติดตั้งบนล้อขนาด 19 นิ้วที่มีขนาด 255/45 R19 และล้อคู้หลังที่มีขนาด 285/40 R19 ล้อ 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 245/50 ZR 18 ที่ด้านหน้า และขนาด 275/45 ZR 18 ที่ด้านหลัง คือยางมาตรฐานที่ติดตั้งไว้ แม้เมื่อติดตั้ง ด้วยยางรุ่นมาตรฐานนี้แล้ว อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของรถรุ่นไฮบริดใหม่ของปอร์เช่ก็ยังต่ำกว่ารุ่นอื่นๆในระดับเดียวกัน เพียงแค่ 7.1 ลิตร/100 กิโลเมตร (39.79 mpg imp.) เมื่อขับขี่รูปแบบ NEDC และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพียง 167 กรัม/กม. เท่านั้น รูปลักษณ์ภายนอกของปอร์เช่ แกรน ทัวริสโม่ (Gran Turismo) ใหม่ สอดคล้องอย่างลงตัวกับ พานาเมร่า เอส (Panamera S) คุณลักษณะที่โดดเด่น อาทิ สัญลักษณ์ “พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid)” ที่หลังรถและป้ายข้อความ “ไฮบริด (hybrid)” ที่ประตูหน้าทั้งสองด้าน มีเพียง Panamera S Hybrid เท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้: ขับเคลื่อนด้วยระบบ Sailing ที่ความเร็วสูงสุด 165 กม./ชม. (103 mph) พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid) ได้กำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถไฮบริด ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพที่คลาสสิกเมื่อวัดจากลักษณะความเป็นรถไฮบริด โดยพานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid) สามารถเร่งเครื่องจาก 0–100 กม./ชม. (62 mph) ได้ในเวลาเพียงแค่ 6.0 วินาทีเท่านั้นและมีความเร็วสูงสุดที่ 270 กม./ชม. (168 mph) เครื่องยนต์ที่ทำงานโดยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเพียง แนวคิด Panamera S Hybrid 4 อย่างเดียวนั้นสามารถวิ่งได้ได้ไกลถึง 2 กม. โดยประมาณ หรือวิ่งได้จนถึงอัตราความเร็วที่ 85 กม./ชม. (53 mph) ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาวะการขับขี่ เครื่องยนต์ไฮบริดของปอร์เช่คือระบบเดียวในโลกที่สามารถใช้ประโยชน์จากการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งต้องขอบคุณต่อระบบที่เรียกว่า “Sailing” ที่ใช้ขับเคลื่อนบนมอเตอร์เวย์และถนนสายหลัก และจะทำการตัดการทำงานและปิดหน่วยขับเคลื่อน powertrain เมื่อความเร็วสูง สุดอยู่ที่ 165 กม./ชม. (103 mph) ในระหว่างการขับเคลื่อนด้วยระบบ Sailing มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานในโหมดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้า ถ้าผู้ขับขี่เร่งความเร็วในโหมด Sailing เช่นในกรณีแซงรถคันอื่น เครื่องยนต์เผาไหม้จะกลับมาทำงานอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงเสี้ยววินาที พร้อมทั้งปรับความเร็วให้ตรงกับความเร็วของรถ แม้รถจะวิ่งที่ระดับนี้ แต่ก็สามารถเร่งความเร็วกะทันหันได้เท่าๆกับ พานาเมร่า (Panamera) ที่ติดตั้งเครื่องยนต์แบบเดิม ทีมที่แข็งแกร่ง: เครื่อง V6 333 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 34 กิโลวัตต์ พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ผสมเหมือนกับรุ่น คาเยนน์ เอส ไฮบริด (Cayenne S Hybrid) ที่ได้ผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาแล้ว ซึ่งเครื่องยนต์ที่ทำการขับเคลื่อนหลักคือเครื่องยนต์เผาไหม้ขนาด 3 ลิตร V6 ที่สามารถส่งผ่านกำลังสูงสุดได้ถึง 333 แรงม้า (245 กิโลวัตต์) และได้รับการสนับสนุนด้วยเครื่องยนต์แบบไฟฟ้าที่เพิ่มกำลังแรงม้าเพิ่มเติม 47 แรงม้า (34 กิโลวัตต์) เครื่องยนต์ ทั้งสองแบบสามารถให้ขุมพลังแก่พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid) ได้ด้วยตนเองและด้วยการทำงานร่วมกัน ซึ่งมอเตอร์ ไฟฟ้านั้นจะทำงานเป็นทั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและสตาร์ทเตอร์ได้ทั้งสองอย่างเลยทีเดียว ด้วยการทำงานร่วมกับระบบคลัชต์แยกทำให้เกิด โมดูลไฮบริดขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ระหว่างเครื่องยนต์เผาไหม้และเกียร์ มอเตอร์ไฟฟ้าจะเชื่อมต่อกับแบตเตอรี่โลหะนิกเกิลไฮไดรด์ (NiMh) ซึ่งพลังงานไฟฟ้าจะเก็บได้จากการเบรคและการขับเคลื่อนของรถ แบตเตอรี่ถูกติดตั้งอยู่ที่พื้นห้องเก็บสัมภาระ สามารถให้พลังงาน 1.7 กิโลวัตต์ที่แรงดันไฟฟ้า 288 โวลต์ พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid)ยังมีฟังก์ชั่นเปิด-ปิดอัตโนมัติ (auto start/stop) ซึ่งจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์เผาไหม้โดยอัตโนมัติในขณะที่รถหยุดนิ่งอยู่กับที่ นับเป็นครั้งแรกสำหรับพานาเมร่า (Panamera) ที่การส่งผ่าน กำลังถูกจัดการโดยระบบเกียร์ 8 จังหวะ Tiptronic S ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและมีอัตราทดเกียร์กว้างมากเช่นเดียวกับในรุ่นคาเยนน์ (Cayenne) โดยพานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid) มีให้เลือกในแบบขับเคลื่อนล้อหลัง
ผู้ขับขี่สามารถเร่งความเร็วสูงสุดของพานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid)ได้ในระหว่างการ “boosting” ในกรณีดังกล่าว แรงบิดในการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เผาไหม้และแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้าจะถูกรวมเข้าด้วยกัน ซึ่งนับเป็นข้อได้เปรียบสำคัญอีกข้อหนึ่งของ คอนเซ็ปต์รถไฮบริดของปอร์เช่ (Porsche) เมื่อเครื่องยนต์เผาไหม้สร้างแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 3,000 ถึง 5,250 รอบต่อนาที มอเตอร์ ไฟฟ้าก็จะสามารถนำแรงบิดมาใช้ได้สูงสุดถึง 300 นิวตันเมตร ในการขับเคลื่อนจากตำแหน่งเริ่ม ระบบขับเคลื่อนสองแบบที่ให้พละกำลัง สูงสุด 380 แรงม้า (279 กิโลวัตต์) ที่ 5,500 รอบต่อนาที ขณะที่แรงบิดที่ทำงานร่วมกันซึ่งให้แรงบิด 580 นิวตันเมตร ออกมาที่รอบเครื่องยนต์เพียง 1,000 รอบต่อนาทีเท่านั้น เครื่องยนต์เผาไหม้ช่วยให้การเพิ่มพละกำลังมีความคงที่และมีสมรรถนะในขณะที่เครื่องยนต์มีความเร็วรอบสูง ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้ายังคงให้ พลังงานสนับสนุนต่อไป ดังนั้นระบบขับเคลื่อนทั้งสองระบบจึงส่งเสริมซึ่งกันและกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อให้ผู้ขับขี่ใช้พละกำลังที่สร้าง ร่วมกันได้อย่างเต็มที่ตลอดช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ทั้งหมด พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid)ได้รับประโยชน์จากการ
ตอบสนองแบบอัจฉริยะของระบบขับเคลื่อนทั้งสองระบบ ซึ่งต้องขอบคุณการตอบสนองแบบสปอร์ตซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ตำแหน่งสตาร์ท และความ Panamera S Hybrid 5 คล่องตัวสูงแม้ในขณะที่รถมีความเร็วสูง เช่น ขณะเร่งความเร็วเพื่อแซง ระบบไฟฟ้าสามารถทำงานได้ทันทีด้วยการใช้ฟังก์ชั่นคิกดาวน์ (kick-down function) พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid) มีปุ่ม E-Power ที่คอนโซลกลางเช่นเดียวกับ ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส ไฮบริด (Porsche Cayenne S Hybrid) ซึ่งเมื่อเปิดใช้งานจะสามารถขยายช่วงที่รถสามารถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ปุ่ม LED จะระบุให้ทราบว่ามีการเปิดใช้งาน จากนั้นข้อความ “E-Power” สีน้ำเงินจะปรากฏขึ้นในแผงหน้าปัด ความพร้อมใช้งานขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น สถานะการชาร์จไฟแบตเตอรี่และอุณหภูมิ เมื่ออยู่ในโหมด E-Power ลักษณะการทำงานของคันเร่งจะถูกปรับเปลี่ยน เพื่อให้มีการใช้ คำสั่งเร่งความเร็วอย่างพอประมาณ และเพื่อป้องกันการสตาร์ทเครื่องยนต์เผาไหม้อัตโนมัติก่อนเวลา ในขณะที่ต้องการพละกำลังที่สูงขึ้น เอกสิทธิ์เฉพาะของปอร์เช่ (Porsche): ไฮบริดคู่ขนานเต็มรูปแบบ (Parallel full hybrid) กะทัดรัด และทรงพลัง แทนที่จะใช้ระบบขับเคลื่อนไฮบริดแบบแยกกำลัง (Power-split hybrid system) ที่พบในรถทั่วไปในตลาด ปอร์เช่ (Porsche) กลับเลือกที่จะใช้ระบบไฮบริดคู่ขนานเต็มรูปแบบ (Parallel full hybrid) โดยมีเหตุผลดีๆ หลายประการสำหรับการนำแนวคิดนี้มาใช้ ระบบที่พัฒนาโดยปอร์เช่ (Porsche) แตกต่างจากเครื่องยนต์ไฮบริดแบบอื่นๆ ซึ่งข้อได้เปรียบจะหมดไปขณะใช้งานในเมือง โดยมีออฟชั่นเพิ่มเติมที่เรียกว่าระบบ “Sailing” ในรุ่นพานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid) ที่ให้ความเร็วสูงสุด 165 กม./ชม. (103 mph) โดยไม่ต้องใช้เครื่องยนต์เผาไหม้ นอกจากนี้เครื่องยนต์ไฮบริดคู่ขนานเต็มรูปแบบ (Parallel full hybrid) ยังช่วยในเรื่องการเร่งความเร็วและความยืดหยุ่น ซึ่งเป็นแบบฉบับของ ที่พบได้ในปอร์เช่ (Porsche) โดยไม่เกิดอาการ rubber band effect เช่นในระบบไฮบริดแบบแยกกำลัง (Power-split hybrid system) แนวคิดนี้จึงตรงตามปรัชญาของปอร์เช่ (Porsche) ที่มุ่งเน้นการมอบสมรรถนะที่เหนือชั้นควบคู่ไปกับสมรรถนะสูงสุด ข้อได้เปรียบเพิ่มเติมอีกข้อคือ การใช้พื้นที่น้อยมาก เนื่องจากโมดูลไฮบริดทั้งหมดมีขนาดเล็กกะทัดรัด ด้วยความยาวเพียง 147.5 มม. เท่านั้น และผสานรวมกันกับเครื่องยนต์เผาไหม้และระบบเกียร์ ซึ่งประกอบไปด้วยมอเตอร์รูปวงแหวนที่ทำงานพร้อมกันและระบบตัดการ เชื่อมต่อที่ด้านข้างซึ่งเชื่อมต่อถึงเครื่องยนต์เผาไหม้ ดังนั้นการกระจายกำลังและลักษณะการทำงานจึงสอดคล้องกับระบบขับเคลื่อนแบบทั่วไป รถไฮบริดของปอร์เช่ (Porsche) ยังมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยน้ำหนักขณะไม่มีการบรรทุกอยู่ที่ 1,980 กก. จึงทำให้พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid) กลายเป็นรถที่อยู่ที่ตำแหน่งล่างสุดของคลาสเดียวกันและสามารถรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุดถึง 505 กก. ตัวถังและอุปกรณ์ (Chassis and equipment): ที่หนึ่งเรื่องความสปอร์ต ความแม่นยำและความสะดวกสบาย ตัวถังของพานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid) เป็นการรวมเอาลักษณะเด่นจาก ปอร์เช่ แกรน ทัวริสโม่ (Porsche Gran Turismo) มาผสมผสานกับระบบกันสะเทือนของรถสปอร์ต เช่น ความแม่นยำ เสถียรภาพ และความปลอดภัย พร้อมด้วยคุณสมบัติเด่นของรถซาลูน เช่น ความสะดวกสบายและความยอดเยี่ยมของ bandwidth ที่เป็นเอกลักษณ์ อันเป็นผลมาจากระบบควบคุมการสั่นสะเทือน Porsche Active Suspension Management (PASM) ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งจะผันแปรแรงสั่นสะเทือนไปอย่างไม่มีขีดจำกัด โดยจะปรับ การทำงานให้เข้ากับสภาพของพื้นถนนและรูปแบบการขับขี่ นอกจากนี้พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid) ยังมีระบบกันสะเทือน ด้วยถุงลมที่ติดตั้งมาจากโรงงาน พร้อมการควบคุมปริมาตรปริมาตรอากาศเพิ่มเติมในสปริงลมแต่ละตัว อุปกรณ์มาตรฐานยังรวมไปถึงระบบเซอร์โวโทรนิค (Servotronic system) ที่มีการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง Panamera S Hybrid 6 อุปกรณ์ระดับดีเยี่ยม พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid) มีการใช้อุปกรณ์ภายในระดับดีเยี่ยมเช่นเดียวกับรุ่น พานาเมร่า เอส (Panamera S) ที่มีเครื่องยนต์ 8 สูบ ตัวอย่างเช่น พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid) มีการตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยหนังคุณภาพสูงและเบาะนั่งที่สะดวกสบายสำหรับคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า เช่นเดียวกับคาเยนน์ เอส ไฮบริด (Cayenne S Hybrid) แผงหน้าปัดของพานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid) จะมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างจากแผงหน้าปัดของรุ่นอื่นๆ ที่จอแสดงผลตรงกลาง มาตรวัดความเร็ว
จะเชื่อมต่อด้วยไฟแสดงสถานะ “Ready” ซึ่งนอกจากจะบอกข้อมูลอื่นๆ แล้ว ยังแสดงความพร้อมของระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดสำหรับ การออกตัวด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวขณะสตาร์ทรถด้วยกุญแจ มิเตอร์กำลังไฟฟ้าที่ อยู่ทางด้านซ้ายเป็นจอแสดงกำลังแบบ อะนาล็อค (analogue) ซึ่งจะให้ข้อมูลสถานะกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์แก่ผู้ขับขี่ เข็มที่ชี้ไปทาง “Power” บ่งบอกระดับกำลังที่ต้องใช้ในการขับเคลื่อนรถด้วยไฟฟ้าและในขณะเร่งเครื่องเมื่อระบบขับเคลื่อนทั้งสองแบบทำงานร่วมกัน ซึ่งแตกต่างจากหน้าจอ “Charge” ที่แสดงกำลังเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของมอเตอร์ไฟฟ้าในระหว่างการฟื้นคืนพลังงานจากการเบรค การโต้ตอบระหว่างระบบขับเคลื่อนสองระบบและสถานะการขับขี่แบบไฮบริดจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอ TFT บนแผงหน้าปัด เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ขับขี่ โดยผู้ขับขี่จะได้รับทราบข้อมูลสถานะของการชาร์ตแบตเตอรี่และกระแสการไหลของพลังงานในแบบเรียลไทม์ โดยแสดงเป็นสัญลักษณ์ลูกศรตามทิศทางของกระแสการไหล ในรุ่นที่มีระบบ PCM เป็นอุปกรณ์เสริม สถานะการขับขี่แบบไฮบริดทั้งหมดสามารถดูได้ในภาพรถที่บ่งบอกรายละเอียดระบบส่งกำลัง จอสถิติใน PCM (จอแสดง Hybrid Zero Emission) จะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมให้ ผู้ขับขี่ทราบระยะเวลาการขับขี่รวมเป็นเปอร์เซ็นต์ขณะที่ขับเคลื่อนโดยไม่ใช้เครื่องยนต์เผาไหม้ และแสดงผลออกมาเป็นกราฟแท่ง โดยจะมี การพิจารณาสถานะการขับขี่ทั้งหมดของรถพานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S hybrid) ที่ไม่มีการปล่อยมลพิษและไม่สิ้นเปลืองน้ำมัน เชื้อเพลิง เพราะมีการปิดการทำงานของเครื่องยนต์เผาไห
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น