
ไวเอท คอนซูเมอร์ เฮลธ์แคร์ จับมือ มูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทยฯ ปลุกกระแสการออกกำลังกาย ป้องกันโรคกระดูกพรุน โดยสร้างปรากฏการณ์ขยับครั้งสำคัญ “600 พลัส ขยับต้านภัยกระดูกพรุน” ด้วย “เฟล็กเซอร์ไซส์” (Flexercise) การบริหารร่างกายแนวใหม่ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงโดยเฉพาะ พร้อมแนะบริโภคแคลเซียมให้ได้ปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน เพื่อดูแลสุขภาพกระดูกให้แข็งแรงตั้งแต่หนุ่มสาว และห่างไกลโรคกระดูกพรุนในวัยสูงอายุรศ. นพ. สุรศักดิ์ นิลกานุวงศ์ ประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคกระดูกพรุนในปัจจุบันว่า “จากรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า “สถิติผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมาก และกลายเป็นปัญหาทางสาธารณสุขอันดับ 2 รองจากโรคหัวใจและหลอดเลือด และคาดว่าในปีพ.ศ. 2593 จำนวนผู้ป่วยที่กระดูกสะโพกหักจะเพิ่มขึ้นเป็น 6.3 ล้านคน จากเพียง 1.7 ล้านคน ในปีพ.ศ. 2533 โดยสถานการณ์โรคกระดูกพรุนในประเทศไทยกำลังทวีความรุนแรงขึ้น และเป็นภัยเงียบที่พร้อมจะคุกคามชีวิต โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาต่อคนสูงถึง 3 แสนบาทต่อปี จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ในปีนี้มีการจัดประชุมระดับโลกว่าด้วยเรื่องโรคกระดูกพรุน (World Congress on Osteoporosis 2008) ขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชีย โดยมีประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ”“ด้วยความตระหนักดีถึงผลกระทบของโรคกระดูกพรุนต่อสุขภาพคนไทยและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ มูลนิธิโรคกระดูกพรุนฯ จึงได้ร่วมมือกับไวเอท คอนซูเมอร์ เฮลธ์แคร์ จัดกิจกรรม “600 พลัส ขยับต้านภัยกระดูกพรุน” ขึ้นมา เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนออกกำลังกายอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ ควบคู่กับการบริโภคแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในวัยสูงอายุ และลดอาการบาดเจ็บเกี่ยวกับกระดูกลงในวัยหนุ่มสาว” รศ. นพ. สุรศักดิ์ กล่าวเสริมนายแลม ปิน กี ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไวเอท คอนซูเมอร์ เฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์แคลเซียมเสริมที่มุ่งมั่นเสริมสร้างให้กระดูกคนทั่วโลกและคนไทยแข็งแรง กล่าวว่า “จากการศึกษาและค้นคว้าอย่างต่อเนื่องพบว่า ภาวะโรคกระดูกพรุนและอาการบาดเจ็บอื่นๆ ที่เกี่ยวกับกระดูก ส่วนใหญ่จะพบ ในชาวเอเชียมากกว่าประชากรในทวีปอื่นๆ และคนไทยมีแนวโน้มการเกิดโรคกระดูกพรุนสูงขึ้น เนื่องจากวิถีชีวิตที่เร่งรีบ ทำให้ไม่มีเวลาดูแลสุขภาพกระดูกอย่างจริงจัง ทั้งในเรื่องการบริโภคแคลเซียมให้เพียงพอ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ”ไวเอท คอนซูเมอร์ เฮลธ์แคร์ จึงได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู และนักวิทยาศาสตร์การกีฬาชั้นนำทั่วเอเชียมาช่วยกันคิดค้นและพัฒนาการบริหารร่างกายแนวใหม่ ที่เรียกว่า “เฟล็กเซอร์ไซส์” (Flexercise) ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูกโดยเฉพาะ โดยปรับให้สอดคล้องกับ วิถีชีวิตของคนเอเชียและคนไทย ซึ่งสามารถปฏิบัติเองได้ง่ายๆ ทั้งในวัยหนุ่มสาวและผู้สูงอายุ รวมทั้งใช้เวลาออกกำลังกายเพียง 600 วินาที (10 นาที) และใช้พื้นที่ไม่มาก โดยในประเทศไทย ไวเอทฯ ได้จัดโครงการนำร่องนำ “เฟล็กเซอร์ไซส์” (Flexercise) ไปให้หนุ่มสาวและผู้สูงอายุได้ทดลองออกกำลังกายกันที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น, โรงพยาบาลพญาไท 3 และโรงพยาบาลเปาโล ซึ่งได้รับความสนใจและเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนนายแลม ปิน กี กล่าวเพิ่มเติมว่า “เรามั่นใจว่า การร่วมมือกับมูลนิธิกระดูกพรุนฯ จัดกิจกรรม “600 พลัส ขยับต้านภัยกระดูกพรุน” ด้วยการออกกำลังแบบ “เฟล็กเซอร์ไซส์” ควบคู่กับการให้คำแนะนำในการบริโภคแคลเซียมให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน จะช่วยให้คนไทยมีสุขภาพกระดูกที่แข็งแรงขึ้น ชะลอการเกิดภาวะกระดูกพรุนในช่วงบั้นปลายชีวิต และลดอาการบาดเจ็บเกี่ยวกับกระดูกลง”นอกจากนี้ น.พ. ฉกาจ ผ่องอักษร ภาควิชาด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล หนึ่งในทีมผู้ร่วมคิดค้นและพัฒนา “เฟล็กเซอร์ไซส์” ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า “เฟล็กเซอร์ไซส์ เป็นการออกกำลังกายด้วยแผ่นยางยืด ซึ่งให้ประโยชน์ต่อร่างกายอย่างครบถ้วนทั้งกระดูกและกล้ามเนื้อ โดยประกอบด้วยท่าพื้นฐาน 6 ท่า ที่ง่ายๆ และสามารถปฏิบัติเองได้ นอกจากนี้ ยังสามารถนำท่าทั้ง 6 นี้ไปปรับให้ยากหรือหลากหลายขึ้นตามความต้องการเฉพาะบุคคลได้อย่างปลอดภัย โดยในเบื้องต้นเราจะรณรงค์ให้นำไปปฏิบัติเป็นเวลา 600 วินาที (10 นาที) เพื่อให้ผู้ที่เริ่มออกกำลังกายรู้สึกคุ้นเคยและมีกำลังใจในการออกกำลังอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นสามารถค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาขึ้นจนเป็น 30 นาที โดยปฏิบัติสัปดาห์ละ 3 ครั้งเป็นอย่างน้อย”ในขณะที่ พ.ญ. สุขจันทร์ พงษ์ประไพ ประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ มูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทยฯ กล่าวถึงเรื่องการบริโภคแคลเซียมของคนไทยในปัจจุบันว่า “คนไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้หญิงมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะมีกระดูกบางและพรุนเร็วขึ้น เนื่องจากปัจจัยหลายประการ อาทิ พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เร่งรีบและไม่ถูกสุขลักษณะ แฟชั่นลดความอ้วนทำให้บริโภคแคลเซียมไม่เพียงพอ ความนิยมการมีผิวขาวหน้าใสทำให้เกิดนิสัยการหลบเลี่ยงแสงแดด โดยพบว่าผู้หญิงไทยวัยหมดประจำเดือนถึงร้อยละ 80 ขาดวิตามินดี ที่มีส่วนช่วยให้กระบวนการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ คนไทยวัยผู้ใหญ่ประมาณถึงร้อยละ 90 ยังประสบปัญหาการไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมได้ ซึ่งเป็นแหล่งแคลเซียมสำคัญตามธรรมชาติ”“ดังนั้น เราจึงต้องรณรงค์ให้บริโภคแคลเซียมในรูปแบบอื่นแทน เช่น ผลิตภัณฑ์แคลเซียมเสริม ซึ่งจะช่วยเสริมให้ร่างกายได้แคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน อีกทั้งง่าย สะดวก ปลอดภัย เหมาะกับวิถีการใช้ชีวิตของคนไทยในปัจจุบันนี้”สำหรับวิธีการเลือกผลิตภัณฑ์แคลเซียมเสริม ผู้บริโภคสามารถสังเกตหลักง่ายๆ 5 ข้อ คือ 1) ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน USP (United State Pharmacopeia) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่กำหนดขึ้นโดยหน่วยงานควบคุมมาตรฐานยา และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม รวมทั้งแคลเซียมเสริมที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกา 2) ควรเลือกที่ให้แร่ธาตุแคลเซียมต่อเม็ดสูงสุด และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย 3) ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล เกลือ แลคโตส และวัตถุกันเสีย เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล 4) ต้องผ่านกระบวนการผลิตที่เคร่งครัด มีการตรวจสอบการแตกตัว และการละลายที่ได้มาตรฐาน 5) ฉลากผลิตภัณฑ์ต้องระบุชัดเจนถึงวันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ รวมทั้งสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกเวลาหากมีข้อสงสัยใด ๆทั้งนี้ กิจกรรม “600 พลัส ขยับต้านภัยกระดูกพรุน” ด้วยการออกกำลังกายแบบ “เฟล็กเซอร์ไซส์” ควบคู่กับการให้คำแนะนำในการบริโภคแคลเซียมให้เพียงพอ จะจัดโรดโชว์ไปตามโรงพยาบาล เช่น โรงพยาบาลวิชัยยุทธ อาคารสำนักงาน และสวนสาธารณะต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อเผยแพร่และเชิญชวนให้คนไทยหันมาใส่ใจการป้องกันโรคกระดูกพรุนอย่างจริงจัง ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป โดยสามารถติดตามกำหนดการและรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ www.mthai.flexercise600plus.com/ หรือสอบถามได้ที่ โทร. 02 686 7899
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น