เอไอเอส ผนึกกำลัง จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ร่วมกันขยายตลาดโลกดิจิทัล มุ่งเจาะไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ สอดรับพฤติกรรมนิยมเปลี่ยนเพลงรอสายบ่อย เปิดบริการ *123 Calling Grammy" โหลดไม่อั้น ยกทั้งค่ายแกรมมี่! เพียงเดือนละ 20 บาท แคมเปญนี้จึงกลายเป็นกลยุทธ์หลักที่สำคัญ ที่ทำให้ทั้งสองค่ายยักษ์ใหญ่เติบโตไปพร้อมๆ กัน หรือเรียกว่า Win-Win Situation เอไอเอสคาดว่าคอนเทนต์ด้านมิวสิค ถือเป็น Port ที่ใหญ่ที่สุด และเชื่อว่าในปีนี้ยังมีโอกาสที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2551 ที่ผ่านมา เอไอเอสมีรายได้จากธุรกิจนอนวอยซ์อยู่ที่ประมาณ 11,000 ล้านบาท สำหรับปี 2552 คาดว่าจะเติบโตขึ้นอีก 25% หรือประมาณ 13,700 ล้านบาท โดยคอนเทนต์ด้านมิวสิคมีสัดส่วนเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็น 20% ของทั้งหมด ส่วนด้านแกรมมี่นับว่าเป็นวิธีขจัดปัญหาเทปผีซีดีเถื่อน ที่ไม่สามารถก๊อปปี้เพลงได้ สำหรับที่มาของความร่วมมือในครั้งนี้ เกิดจากความต้องการที่ตรงกันของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และทางเอไอเอส คือ 1.ความต้องการที่จะตอบสนองผู้บริโภค ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ผูกพันอยู่กับการใช้มือถือและฟังเพลง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เป็นคลังคอนเทนต์เพลงที่ใหญ่สุดในเมืองไทยต้องการช่องทางใหม่ๆ ในการเข้าถึงผู้บริโภค ขณะที่ทางเอไอเอสก็ต้องการคอนเทนต์เพลงที่หลากหลายมากกว่าเดิม และ 2.ทั้งแกรมมี่และเอไอเอสต่างต้องการช่วยกระตุ้นยอดดาวน์โหลดเพลงรอสายให้เกิดการใช้ถี่และบ่อยขึ้น เพื่อสร้างตลาดมิวสิคคอนเทนต์ให้เติบโตขึ้น ทั้งนี้ "เอไอเอสคาดว่าจะมีผู้สนใจสมัคร 1 ล้านราย ภายใน 6 เดือนแรก
วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น